KTC หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สร้างสถิติใหม่ทำกำไรสูงสุดอีกครั้งด้วยกำไรมากถึง 7,140 ล้านบาท เตรียมขับเคลื่อนองค์กรสู่รากฐานที่แข็งแกร่งด้วยแนวคิด “A Transition to the New Foundation” ตอกย้ำความเป็นองค์กรที่ได้รับความไว้วางใจ (Trusted Organization) กับทุกกลุ่ม
อินไซต์จาก นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เคทีซี ได้อธิบายไว้ว่า การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนจากไตรมาส 4 ปี 2565 ถึงปัจจุบัน ช่วยให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวตามลำดับ การจ้างงานและรายได้แรงงานปรับตัวขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมของธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลกลับมาเติบโตดีต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและเป็นผลให้ความต้องการในวงเงินสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคเติบโต
การทำตามแผนกลยุทธ์และเป้าหมายในด้านต่าง ๆ ที่ KTC ได้ทำไว้ในปี 2565 ส่งผลให้ดำเนินงานดีกว่าที่คาดการณ์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ดังนี้:
- พอร์ตลูกหนี้บัตรเครดิตที่ขยายตัว 15.4%
- พอร์ตสินเชื่อบุคคลที่ขยายตัว 10.4%
- ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีที่มีอัตราเติบโตถึง 21.7% คิดเป็นมูลค่า 238,257 ล้านบาท (สูงกว่างวดเดียวกันของปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19)
- มีแนวโน้มที่ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 2566
- ยอดลูกหนี้ใหม่ของสินเชื่อ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” มีมูลค่า 1,055 ล้านบาท หลังจากได้ประกาศปรับประมาณการในช่วงไตรมาสที่ 3/2565
- เคทีซีจะเน้นความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับธนาคารกรุงไทย เพื่อให้สินเชื่อ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” บรรลุเป้าลูกหนี้ใหม่ที่ 9,000 ล้านบาท เมื่อสิ้นปี 2566”
อย่างไรก็ตาม ทางเคทีซียังคงเข้มงวดกับเกณฑ์การคัดเลือกลูกค้าใหม่ตั้งแต่ต้นทาง เพื่อให้ได้พอร์ตสินเชื่อที่มีคุณภาพ และมีอัตราส่วนหนี้เสียที่ต่ำ อีกทั้งการตั้งสำรองและตัดหนี้สูญได้ปรับให้เป็นไปตามลักษณะของพอร์ตในแต่ละธุรกิจอย่างเหมาะสม ครอบคลุมความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินให้ลดลง
ในส่วนของแผนกลยุทธ์ในปี 2566 เพื่อคลื่อนเคทีซีไปสู่รากฐานองค์กรที่แข็งแกร่ง “A Transition to the New Foundation” จะแบ่งออกเป็น 3 แกนสำคัญคือ
1) บริหารจัดการโครงสร้างให้สอดคล้องกัน (Enterprise Architecture) ทั้งธุรกิจ ระบบไอทีและระบบปฏิบัติการ
2) ส่งเสริมให้บุคลากรพัฒนาทักษะสำคัญในด้านต่างๆ (Enterprise Skill Assets)ให้พร้อมที่จะก้าวไปกับเคทีซี
3) การบริหารจัดการข้อมูล (Enterprise Data Assets) ตั้งแต่การวางแผน จัดเก็บ การเข้าถึงและใช้ข้อมูล ตลอดจนการทำลายข้อมูล เน้นความปลอดภัย ถูกต้องและโปร่งใส เพื่อให้เคทีซีมีฐานข้อมูลคุณภาพ สนับสนุนการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ
และในส่วนของการเติบโตก็เล็งเห็นโอกาสในธุรกิจรับชำระค่าสินค้าและบริการ (Payment Business) และธุรกิจการให้สินเชื่อ (Retail Lending Business) โดยจะให้ความสำคัญกับการเพิ่มขึ้นของพอร์ตสินเชื่อ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” เพื่อสร้างฐานลูกค้าให้มีปริมาณที่มากเพียงพอในการสร้างกำไรที่มั่นคง ขณะที่ธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลจะเติบโตไปตามอัตราเร่งของธุรกิจนั้น ๆ โดยยังคงมุ่งเน้นการหาลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งสร้างสรรค์กิจกรรมทางการตลาดให้สอดคล้องกับบริบทสังคมที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจส่งผลให้ค่าใช้จ่ายทางการตลาดสูงขึ้น อีกทั้งจะมีการตั้งสำรองเพิ่มตามพอร์ตลูกหนี้ที่ขยายตัว

นายระเฑียร ได้ฉายภาพ ได้กล่าวจบไว้ว่า “ในส่วนของสภาพเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้น เคทีซีอาจต้องเผชิญกับต้นทุนการเงินที่สูงขึ้น รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากด้านการตลาด และการตั้งสำรองตามคุณภาพของพอร์ตลูกหนี้ สำหรับลอยัลตี้ แพลตฟอร์ม MAAI by KTC (มาย บายเคทีซี) ซึ่งอยู่ในกลุ่มโมเดลธุรกิจที่มีการพัฒนาต่อเนื่อง ถึงแม้จะยังไม่สร้างรายได้ในช่วงแรกๆ เคทีซียังเชื่อมั่นว่าอัตราการเติบโตของปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตร และมูลค่ายอดลูกหนี้ที่ขยายตัวจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้ตามคาด”